ดาไซฟุ-เทนมังกุ, ศาลเจ้าแห่งปัญญา

#DazaifuTenmangu #Dazaifu #Fukuoka #Shrine #japan #plumflower #sakura

ถ้าคุณได้มาเที่ยวที่ "ฟุกุโอกะ" สถานที่หนึ่งซึ่งคุณจะพลาดไม่ได้เลย คือ การมาแวะเยี่ยมชมเมือง "ดาไซฟุ" และศาลเจ้า "ดาไซฟุ-เทนมังกุ" อันเลื่องชื่อ คำว่า "เทนมังกุ" แสดงถึงการอุทิศศาลเจ้าแห่งนี้ให้แก่ "สุกาวาระ มิจิซาเนะ" หรือ "เทนจิน" เทพแห่งการศึกษาของญี่ปุ่น ซึ่งศาลเจ้าดาไซฟุ-เทนมังกุ นั้นนับว่ามีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าศาลเจ้า "คิตาโน-เทนมังกุ" ที่เกียวโตเลยแม้แต่น้อย เนื่องด้วยเป็นสถานที่ฝังศพจริงของมิจิซาเนะ ในขณะที่ศาลเจ้าคิตาโน-เทนมังกุ นั้นถูกสร้างมาเพื่อบรรเทาความพิโรธของเหล่าเทพโดยพระจักรพรรดิ ภายหลังจากที่มิจิซาเนะได้เสียชีวิต

ประตูโทริอิของศาลเจ้า ถ่ายจากสถานีรถไฟดาไซฟุ

สุกาวาระ มิจิซาเนะ (ค.ศ. 845-903) เกิดในตระกูลบัณฑิตในสมัยเฮอัน และได้เป็นข้าราชการระดับสูงในราชสำนัก แต่เนื่องด้วยความขัดแย้งกับตระกูล "ฟุจิวาระ" ท่านจึงโดนใส่ความ และถูกเนรเทศให้มาอยู่ที่เมืองดาไซฟุแห่งนี้ ท่านต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่ถึง 3 ปี ก่อนที่จะเสียชีวิตและถูกฝังอยู่ในตำแหน่งที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า "ดาไซฟุ เทนมังกุ"

ศาลหลักดั้งเดิมถูกสร้างโดย "อุมาซาเกะ ยาสุยุกิ" ผู้ที่เป็นทั้งลูกศิษย์และเพื่อนของมิจิซาเนะในปี ค.ศ. 905 หลังจากนั้นก็มีการต่อเติมอีกหลายครั้ง แต่ก็โดนเผาทำลายไปในช่วงสงครามกลางเมืองของญี่ปุ่น ศาลเจ้าหลังปัจจุบันถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1591 และได้ถูกบูรณะเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับนักเรียนญี่ปุ่นแล้วศาลเจ้าดาไซฟุ-เทนมังกุ นั้นนับว่าเป็นศาลเจ้ายอดนิยมสำหรับขอพรที่เกี่ยวข้องกับการเรียน และการสอบมาก ถ้าคุณได้มาในช่วงของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย คุณจะได้พบกับนักเรียนจำนวนมากที่มาขอพร และซื้อเครื่องราง เพื่อให้เค้าสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการได้

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลเจ้าที่สำคัญ คือ "โกชินกิว" หรือวัวเทพ รูปหล่อวัวทองเหลืองขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างจากตำนานที่ว่า ในระหว่างที่ยาสุยุกิกำลังขนศพของมิจิซาเนะไปฝัง เค้าได้ใช้วัวตัวหนึ่งในการลากเกี้ยวที่บรรทุกร่างของผู้เป็นอาจารย์ไปยังสุสาน แต่เมื่อมาถึงตำแหน่งที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า วัวตัวนั้นก็หยุดและไม่ยอมขยับไปไหนอีก ยาสุยุกิจนปัญญาที่จะทำให้วัวตัวนั้นขยับต่อ จึงคิดว่ามิจิซาเนะคงต้องการจะอยู่ที่ตรงนี้เป็นแน่ เค้าจึงฝังมิจิซาเนะไว้ที่ตรงนั้นแทน

คนญี่ปุ่นเชื่อว่าการได้ลูบหัววัวเทพ จะทำให้ฉลาดขึ้น ซึ่งถ้าคุณเดินมาจากสถานีรถไฟดาไซฟุ ขอเพียงคุณเดินตรงมาเรื่อยๆจนสุดทาง คุณก็จะพบรูปปั้นวัวเทพอยู่ทางขวามือรอคุณไปสัมผัสท่านอยู่ แต่หากไม่อยากต่อคิว แนะนำว่าควรไปแต่เช้าแล้วให้พุ่งไปลูบท่านก่อนเลย ค่อยกลับมาเดินช้อปปิ้งที่ถนนคนเดิน หรือไปที่ศาลเจ้านะฮะ ตอนที่ไปนี่แค่ 11 โมงคิวก็ยาวร่วมๆ 30-40 คนแล้ว น่าจะต้องรอคิวเป็นชั่วโมงเลยอดลูบเลย (; w;) หรือจะไปลูบรูปจำลองในเขตศาลเจ้าก็ได้นะฮะ (มีองค์เล็กอยู่องค์ข้างๆต้นบ๊วยภายในศาลเจ้า) แต่องค์หลักคือองค์ใหญ่แหละฮะ

ศาลเจ้าดาไซฟุ เทนมังกุในช่วงต้นเดือนมีนา จะสังเกตว่าดอกบ๊วยเริ่มร่วงแล้ว ส่วนโทบิอุเมะไม่เหลือดอกแล้ว

สิ่งขึ้นชื่ออีกอย่างของศาลเจ้าแห่งนี้คือ ต้นบ๊วย เพราะศาลเจ้าแห่งนี้นับได้ว่าเป็นศูนย์รวมของต้นบ๊วยนานาพรรณ และได้รับการยอมรับจากคนญี่ปุ่นว่าเป็นสถานที่ชมดอกบ๊วยที่ดีที่สุดบนเกาะคิวชูด้วย ด้วยต้นบ๊วยกว่า 167 ชนิดจำนวนกว่า 6000 ต้น

มีตำนานเล่าว่ามิจิซาเนะเป็นคนที่ชอบดอกบ๊วยมาก และท่านก็มีต้นบ๊วยต้นโปรดต้นหนึ่งอยู่ที่เกียวโต เมื่อท่านโดนเนรเทศ ท่านก็ไม่ได้ไปพบต้นบ๊วยต้นนั้นอีก ด้วยความความคิดถึต้นบ๊วยต้นนั้นเลยถอนตัวเองขึ้นจากพื้นแล้วบินมาอยู่กับท่านที่ดาไซฟุ ซึ่งเจ้าต้นบ๊วยต้นนี้มีชื่อว่า "โทบิอุเมะ" ซึ่งถ้าคุณหันหน้าเข้าหาศาลเจ้าในช่วงปลายเดือน ม.ค. คุณจะพบเจ้าโทบิอุเมะยืนอวดดอกสีขาวแสนสวยของมันอยู่ที่ด้านขวามือของศาลเจ้าราวกับจะอวดความงามของมันให้มิจิซาเนะได้ชม เหมือนกับที่ได้ชมตลอดช่วงชีวิตที่ท่านยังอาศัยอยู่ที่เกียวโต (ช่วงที่เหมาะจะชมดอกบ๊วยคือ ช่วงปลาย ม.ค. ถึงปลาย มี.ค.)

ดอกบ๊วยร่วงโรย ก็เป็นสัญญาณหนึ่งถึงการกำลังจะเข้ามาของฤดูชมซากุระ

สำหรับการเดินทางไปยังศาลเจ้า หากจะเดินทางไปด้วยรถไฟ ยังไงก็จะต้องไปต่อรถไฟที่สถานี นิชิเทตสึ-ฟุตสึไคจิ เพื่อขึ้นรถไฟสายดาไซฟุต่อไปยังสถานีดาไซฟุ เราเลยแนะนำว่าให้หาสถานีของ บ.นิชิเทตสึ เลยจะสะดวกกว่า (สังเกตได้ว่าจะไม่มีตรา JR เพราะไม่ได้เป็นของ JR เลยจะใช้ JR pass ไม่ได้นะฮะ) แล้วขึ้นสาย เทนจิน-โอมุตะ สีไหนก็ได้ (สีแดงจะไวสุด ส่วนสีน้ำเงินจะช้าสุด) แต่ถ้ามาจากทางฮากะตะที่คนไทยชอบไปอยู่กัน ก็ใช้ JR สายฮากะตะ-โอมุตะก็ได้ฮะ แล้วมาลงที่สถานีฟุตสึไคจิ (ชื่อเดียวกันแต่คนละสถานีนะ 555) แล้วต้องเปลี่ยนสถานีโดยเดินข้ามสะพานมาที่อีกฝั่งของแม่น้ำ (เดินประมาณ 10 นาที) มาขึ้นรถไฟสายดาไซฟุต่อ ที่สถานีนิชิเทตสึ-ฟุตสึไคจิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาทีจากตัวเมืองก็จะถึงสถานีดาไซฟุ ที่เป็นจุดหมายปลายทางฮะ (รถไฟเยอะมากแทบไม่ต้องรอเลย)

ในกรณีที่เช่ารถขับ สามารถใช้ได้ทั้ง GPS ในรถ และ google map นำทางมาที่วัดได้เลยฮะ โดยเมื่อขับถึงสถานีดาไซฟุแล้ว GPS จะบอกให้เลี้ยวขวาไปหาวัด แนะนำว่าอยาเลี้ยวฮะ (เข้าไปเป็นวงเวียนสำหรับรถเมล์ รถทัวร์สำหรับส่งผู้โดยสาร ไม่มีที่จอดรถ ออกยากมากเลย ; w;) ให้ตรงผ่านซี่แยกไปเพื่อไปหาที่จอดรถก่อนฮะ ที่จอดรถรอบวัดมีประมาณ 300 ที่ หาไม่ลำบากฮะ ถ้าเจอที่จอดรถเก็บเงินอัตโนมัติก็จอดได้เลยฮะ หลังจอดไปซัก 2-3 นาที เครื่องจะปล่อยตัวล็อคลงมาล็อครถเองฮะ (จอดแล้วก็ไปเที่ยวได้เลย ยังไม่ต้องจ่ายตัง) พอกลับมาค่อยมาจ่ายเงินนะฮะ (เราจ่ายก่อนไปรอบเสียฟรีไป 400 เยน เส้า ; w;) ราคาค่าจอดรถส่วนใหญ่ก็จะ 30 นาที 100 เยน แต่ถ้า 3 ชั่วโมงก็จะคิด 400 เยน (ถ้าจอดเกิน 30 นาทีพี่ปัดเป็น 3 ชั่วโมงหมดเลย ค่อดโหด ; w;)